
คุณค่า ตัวตน ของ ทักษิณ ชินวัตร จาก สัมภาษณ์
https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_5662426
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
คุณค่า ตัวตน - ได้ยิน นายทักษิณ ชินวัตร พูดถึงการปรับโครงสร้าง “การศึกษา” แล้วคิดอย่างไร
คิดเหมือนที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ออกมาหยามเย้ย คิดเหมือนที่ นายสิระ เจนจาคะ ออกมาเสียดสีว่า ไม่มีค่า ไม่มีความหมายแม้แต่นิดเดียว หรือไม่
หรือคิดเหมือนที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี ออกมาไม่แสดงความสนใจ
ทั้งๆ ที่เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ตั้งข้อสังเกตว่าได้มีการตระเตรียมที่จะเข้าสู่การผลิตแบบใหม่ไม่ว่าในเรื่องหุ่นยนต์ ไม่ว่าในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า
ก็แทบไม่มีคำตอบ ก็แทบไม่มีความหวัง
ถามว่าจุดเด่นของ นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคืออะไร
ไม่จำเป็นต้องหยิบเอานโยบายเด่นๆอย่าง “30 บาท รักษาทุกโรค”มาเอ่ยถึง ไม่จำเป็นต้องหยิบเอา นโยบายเด่นๆอย่าง “กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง”มาเอ่ยถึง
เอาแค่สิ่งที่เกริ่นนำก่อนเข้าสู่วาระประชุมครม.ก็แล้วกัน
เรื่องหนึ่งที่รับรู้กันคือ นายทักษิณ ชินวัตร จะหยิบยกเอาเนื้อหาของหนังสือใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ มาบรีฟให้ที่ประชุมครม.ร่วมกันรับรู้และนำไปขบคิด
เท่ากับเป็นการหว่าน “เมล็ดพันธุ์” ในทางความรู้ ในทางความคิด
จากรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ถึงรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เผยแสดงอะไร
เผยแสดงให้เห็นถึงการจมอยู่กับ“ทศวรรษ”แห่งความสิ้นหวัง การพยายามถอยกลับประเทศไทยไปสู่ยุคก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองเดือนมิถุนายน 2475
การนอนกอดอยู่กับ “อดีต” ลุ่มหลง “อดีต”
การให้สัมภาษณ์ในห้วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของ นายทักษิณ ชินวัตร จึงเท่ากับเป็นการออกมา กระตุกผู้คนให้ตื่นจากความหลับใหล
เตือนให้ตระหนักว่าจะก้าวเข้าไปยัง “อนาคต” อย่างไรทักษิณ ชันวัตร
บทสัมภาษณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร จึงดำเนินไปเหมือนกับการชี้ “ขุมทรัพย์”
อาจเป็นของแสลงหากมองมาจากไอ้ห้อยไอ้โหนอยู่รอบตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ทรงคุณค่าและความหมายยิ่งสำหรับคนที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า ต้องการสร้างความหวัง
เท่ากับเป็นคำตอบว่า นายทักษิณ ชินวัตร ดำรงอยู่ในสถานะใด
*****
********
*******************
โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ข้ามปี หนักหน่วงรุนแรงกว่ารอบแรก ทำให้ได้เห็น “อำนาจมหาศาลแต่ไร้เอกภาพและประสิทธิภาพ”
https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/in-the-news/news_5656289
คอลัมน์ ข่าวข้นคนเข้ม
โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ข้ามปี - หนังสือพิมพ์ข่าวสด หนังสือพิมพ์เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ Khaosod-ข่าวสด สื่อออนไลน์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง ยอดติดตามมากที่สุด 15 ล้านไลก์ ฉบับนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 4 มกราคม พุทธศักราช 2564 แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด...●
โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ข้ามปี หนักหน่วงรุนแรงกว่ารอบแรก ทำให้ได้เห็น “อำนาจมหาศาลแต่ไร้เอกภาพและประสิทธิภาพ” ของรัฐราชการ อำนาจรวมศูนย์...●
ศบค.เลี่ยงคำว่าล็อกดาวน์ ถ้าอย่างนั้นเรียก “ล็อกเล็กๆ” ก็แล้วกัน วิกฤตโควิดรอบนี้ข้ามปีแค่ 2 วันต้องกำหนดให้ 28 จังหวัดเป็น พื้นที่สีแดง เข้มข้นสูงสุด มาตรการต่างๆ น้องๆ ล็อกดาวน์ปีที่แล้ว แค่ยังไม่ประกาศเคอร์ฟิว, 11 จังหวัดเป็น พื้นที่สีส้ม ควบคุมสูงสุด, 38 จังหวัด พื้นที่สีเหลือง เฝ้าระวังสูงสุด ทั่วประเทศมีสีครบทั้ง 77 จังหวัด...●
ต้นทางระบาดรอบนี้แพร่จากตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร “แรงงานต่างด้าว” ติดเชื้อหลายพันคน อีกแหล่งใหญ่ “บ่อนระยอง” ผู้ติดเชื้อเพิ่มทุกวันจนทำสถิติ “นิวไฮ”...●
แรงงานต่างด้าวอยู่ในความรับผิดชอบของ ฝ่ายความมั่นคง ส่วนบ่อนอยู่ในความรับผิดชอบของ ตำรวจ ขึ้นตรงนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ควบอีกหลายตำแหน่ง ทั้งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ทั้งผอ.ศบค. แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นผู้นำความรับผิดชอบ “แอ่นอก”...●
จังหวัดเกินครึ่งประเทศ ถูกโควิด “ตีแตก” พี่น้องประชาชนส่งกำลังใจกำลังศรัทธา ไปให้ชาวบ้านชาวเมืองที่กำลังเดือดร้อนทุกข์ยาก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ทำงานหนัก สำหรับ ระยอง โชคดีกว่าจังหวัดอื่น “บิ๊กตู่” ไปเยี่ยมเยือน 2 ครั้งติด ตอน ทหารอียิปต์ ปีก่อน นายกฯ รีบรุดไปดู รอบนี้ก็จัดคิวด่วนลงพื้นที่ทันที...●
วิกฤตโควิดกลายเป็นโอกาสทองเข้าทาง ยื้อแก้รัฐธรรมนูญ บรรดาผู้ทรงเกียรติซีกรัฐบาล ไม่ขอเข้าสภาหมื่นล้านอันโอ่อ่า อ้างกลัวไวรัสร้ายกินปอด เลื่อนๆ งดๆ ประชุมเป็นระยะๆ ตลกลิเกลำตัดพล็อตเดียวกับ ขบวนการสมานฉันท์ ความฝันอันสูงสุด “ผู้เฒ่าสภา” ก่อนล้างมีดโกน เก็บแปรงทาสี...●
มวลชนผู้ต่อสู้ พวกพ้องร่วมอุดมการณ์ ยังวิพากษ์วิจารณ์น้ำกระเซ็น กรณี 2 Porn 2 พี่น้อง 2 นามสกุล Porn-แรก แหกคอกคลานเข่าเข้าร่องท็อปบู๊ต เหลือราคาแค่เอาไว้เฝ้าทำเนียบ Porn-สอง ตั้งแต่รอดหลุดมุ้งสายบัว อะไรๆก็เปลี๊ยนไป๋ แสร้งไม่รู้หรือไม่อยากเข้าใจว่าแท้จริงแล้ว “เสรีชน” ไม่มีเจ้าของ ไม่มี “สีเสื้อ” มีแต่จิตวิญญาณนักสู้ธุลีดิน...●
5 ความเห็น
โรคซาร์ส-หวัดนก-โควิด! วิธี "ทำงาน-คิด" สไตล์ "ทักษิณ"
จากข้อมูลในอดีตของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ระบุถึงโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ “โรคซาร์ส” มีการระบาดครั้งแรกในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ช่วงปลายปี 45 พบผู้ป่วยปอดบวม ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ
จันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 เวลา 07.00 น.
จากข้อมูลในอดีตของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ระบุถึงโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ “โรคซาร์ส” มีการระบาดครั้งแรกในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ช่วงปลายปี 45 พบผู้ป่วยปอดบวม ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ
ต่อมาเกิดการระบาดของโรคปอดบวมในเวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ แคนาดา จากการสอบสวนทางระบาดวิทยาสามารถเชื่อมโยงได้ว่า มาจากแพทย์คนหนึ่งที่ดูแลรักษาผู้ป่วยในมณฑลกวางตุ้ง เดินทางมาฮ่องกง ขณะมีอาการไข้ และเข้าพักที่โรงแรมก่อนจะถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิต ปรากฏว่าคนในโรงแรมหลายคนติดเชื้อ และนำเชื้อกลับไปยังประเทศของตนหรือเมืองที่เดินทางต่อไป
“ซาร์ส-ไข้หวัดนก” ทำโลกป่วน!
กระทั่งเดือน ก.ค. 46 โรคซาร์สมีการแพร่ระบาดไปยัง 29 ประเทศ มีรายงานป่วย 8,098 ราย เสียชีวิต 774 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 9.6 ส่วนสถานการณ์โรคซาร์สในประเทศไทยถึงวันที่ 9 ก.ค.46 พบผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย ในเดือน มี.ค. 46 ผู้ป่วยเป็นแพทย์ชาวอิตาลีที่ไปสอบสวนโรคที่เวียดนาม แล้วมีอาการป่วย ในขณะที่กำลังเดินทางมาไทย ไม่พบว่ามีการติดเชื้อในกลุ่มแพทย์พยาบาล ที่ดูแลรักษาพยาบาล และยังไม่พบโรคซาร์สมีการแพร่ระบาดในชุมชน
นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เคยให้ข้อมูลไว้ว่า โรคไวรัสโคโรนา (โควิด-19) อยู่ในตระกูลเดียวกันกับโรคซาร์ส และเมอร์ส เพียงแต่โควิด-19 และโรคซาร์ส เกิดขึ้นกันคนละเมืองของจีน แต่มีต้นตอกลุ่มเดียวกัน ทำให้อาการของโรคคล้ายกัน คือ ระบบทางเดินหายใจ
โดยโรคซาร์สเกิดขึ้นช่วงปี 45-46 มีความรุนแรงจนทำให้เกิดอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10% ส่วนโรคเมอร์ส มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 30% ขณะที่โควิด-19 ยังสรุปตัวเลขไม่ได้ เพราะยังมีการแพร่ระบาดอยู่
สำหรับสถานการณ์ในไทยช่วงปี 45-46-47 ความตื่นตัวการรับมือกับโรคซาร์สในระดับหนึ่ง แต่ไม่มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคซาร์ส แต่กลับมีการติดเชื้อและมีผู้เสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากเชื้อโรคกลายพันธุ์ คือ ไข้หวัดนก (H5N1)
“กินไก่สุก-จ่าย3ล้าน” เรียกความเชื่อมั่น
โดยในรอบปี 47-48 มีการแพร่ระบาดไข้หวัดนก 2 ครั้ง ช่วงของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มีการฆ่าสัตว์ปีกในประเทศไปหลายล้านตัว มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนก 16 คน ทำให้นายกฯทักษิณพร้อมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีกหลายคนต้องออกมากินไก่สุกโชว์ในงานมหกรรม “กินไก่ กินไข่ ปลอดภัย 100%” พร้อมกันทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 47 และประกาศด้วยว่าถ้าใครกินไก่สุก ไข่สุกแล้วตาย จะจ่ายรายละ 3 ล้านบาท
นี่คือสไตล์การทำงานแบบ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ออกมาสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการกินไก่-ไข่ที่ปรุงสุก ซึ่งเป็นสินค้าสำคัญในประเทศ โดยเฉพาะไก่ต้มสุกซึ่งที่เป็นสินค้าส่งออกมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี
ทีมข่าว “1/4 Special Report” จำได้ว่าช่วงปี 45-48 หลายประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องจากโรคซาร์ส และไข้หวัดนก เพราะผู้คนไม่กล้าเดินทาง ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่จับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์นั้นเดือดร้อนมาก เนื่องจากระบบเศรษฐกิจสิงคโปร์พึ่งพาการท่องเที่ยว และการติดต่อค้าขายเป็นหลัก
ทีมข่าว “1/4 Special Report” มีโอกาสไปสิงคโปร์เป็นครั้งแรก เพราะโรคซาร์สนี่แหละ ได้ไปเที่ยวสิงคโปร์หลังจากโรคซาร์สเริ่มจางลง แล้วการท่องเที่ยวสิงคโปร์กับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ มีการเชิญผู้สื่อข่าวจากหลายประเทศเข้าไปเที่ยวสิงคโปร์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็ว
ตอนนั้นการท่องเที่ยวสิงคโปร์ และเจ้าหน้าที่สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์พาสื่อมวลชนจากต่างชาติ ไปดูมาตรการระวังป้องกันโรค การตรวจสแกนอย่างเข้มงวดตั้งแต่สนามบินชางงี แล้วพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อีกหลายแห่งที่มีการเฝ้าระวังโรค สุดท้ายคือพาไปคุยกับผู้บริหารสิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าตาของประเทศ เพราะขณะนั้นธุรกิจสายการบินก็กระทบกระเทือนหนักเหมือนกับช่วงโควิด-19 และต้องลดจำนวนพนักงานสายการบินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนไม่เดินทางท่องเที่ยว
แต่ในขณะเดียวกันทั้งมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และชาวสิงคโปร์อีกหลายคนที่ได้คุยกัน ต่างกล่าวชื่นชมผู้นำของไทยที่รีบออกมาเรียกความเชื่อมั่น ทั้งการกินไก่สุกโชว์ การอัดฉีดด้วยมาตรการใครกินไก่สุก ไข่สุกแล้วตาย จะจ่ายรายละ 3 ล้านบาท ทำให้บรรยากาศความกลัวโรคซาร์ส และไข้หวัดนก คลี่คลายไปในทางที่ดี
ขายชุดตรวจโรค-ติดเชื้อ “โควิด”ด้วย!
ช่วงที่โควิด-19 ระบาดในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ก็มีข่าวว่า “ดีเอ็นเอนัดจ์” สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่อดีตนายกฯ ทักษิณร่วมลงทุน ได้รับเลือกจากรัฐบาลอังกฤษให้ผลิตชุดตรวจโควิด-19 หลายล้านชุด นำไปใช้ในสถานพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อนำคนป่วยเข้าสู่ระบบกักตัวหรือรักษาพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ต่อมาวันที่ 2 ต.ค. 63 มีข่าวว่าอดีตฯนายกทักษิณติดเชื้อโควิด-19 หลังจากเริ่มมีอาการไข้ ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รสชาติอาหาร จึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อ แล้วพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังจากนั้นจึงเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 แห่งในนครดูไบและอาบูดาบี ซึ่งเป็นการรักษาตามอาการ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และออกจากโรงพยาบาล หลังจากตรวจหาเชื้อถึง 7 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่พบเชื้อ จนอาการหายดีแล้ว
“สาเหตุการติดเชื้อ อาจมาจากศูนย์อาหารในดูไบ คงติดมาจากการสัมผัส ไม่ได้ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ อาจการ์ดตก ใส่หน้ากากตลอด ไปเข้าคิวซื้ออาหาร แล้วยกมากิน บางทีเราไม่ขยันล้างมือ มือไปสัมผัสโดนเชื้อ แล้วเอามือมาถูตาก็อาจติดได้” อดีตนายกฯทักษิณว่าอย่างนั้น
มุมมอง “ทักษิณ” กับโควิด-19
กระทั่งวันที่ 1 ม.ค. 64 สื่อมวลชนหลายสำนักได้เสนอข่าว หลังจากการพูดคุยกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ผ่าน“ระบบซูม”เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเด็นน่าสนใจที่พอจะสรุปง่าย ๆ ว่า “อย่ากลัว การ์ดอย่าตก ควรสมดุลกับเศรษฐกิจต้องป้องกันไม่ใช่ควบคุม” คือ 1. คนที่ตายส่วนใหญ่เป็นพวกเปราะบาง อายุ 70 ปีขึ้นไป มีโรคหัวใจ โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ ถ้าอยู่บ้านได้ควรอยู่บ้าน ไปไหนให้น้อยที่สุด ถ้าการ์ดไม่ตก อย่าไปกลัว เวลาเป็นอะไร โควิด-19 อัตราการตายยังต่ำ คนที่ตายคือพวกเปราะบาง
ส่วนพวกคนหนุ่ม คนสาวถ้าเป็น เพิ่มภูมิคุ้มกันกินวิตามินซี กินแร่สังกะสี ไม่ให้ติดพี่ติดน้อง ติดพ่อติดแม่ หลายคนหายเอง พวกนี้เป็นตัวเพิ่มภูมิคุ้มกัน เมื่อภูมิคุ้มกันถึงไวรัสตัวนี้จะหาย อย่าตกใจ แต่อย่าประมาท คนหนุ่มคนสาวฟิตร่างกายให้แข็งแรง การ์ดอย่าตก ไม่ต้องตกใจ ทำมาหากินกันไป
2. ถ้าให้อำนาจในการคิด ตัดสินใจ ให้ความรู้อย่างถูกต้อง การป้องกันดีกว่าการควบคุม ที่ดูไบ 1 วัน ติดเชื้อ 900 กว่าราย ตายทั้งหมดจนถึงเดี๋ยวนี้ประมาณ 600 กว่าคน แต่เขาเปิดประเทศ เพราะหากินกับการท่องเที่ยว วิธีการของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน วิธีการป้องกันคือเปิดเศรษฐกิจ แต่วิธีควบคุมคือปิดเศรษฐกิจ
ดังนั้นจึงอยากเห็นประเทศไทยใช้ระบบป้องกันให้ความรู้ประชาชนชัดเจน อย่าตกใจ อย่ากลัว ป้องกัน การ์ดอย่าตก ส่วนตัวเป็นโควิด-19 เพราะอายุ 70 ปี ไปเดินเล่นชอปปิง การ์ดตก ไม่ได้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ใส่หน้ากากจริงอยู่ แต่เวลาไปกินอาหาร ไม่รู้เลอะเทอะที่ไหนอย่างไร กินไก่ทอด เอามือกินเข้าปาก
3. ต้องหาความพอดีระหว่างความเป็นอยู่ประชาชนกับการป้องกันโรค อยู่ที่วิธีคิดแต่ละรัฐบาล ถ้าดูภายนอก อยากเห็นเศรษฐกิจดีกว่านี้ โดยเฉพาะชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ ต้องให้ตลาดเปิด มีบรรยากาศตรงนี้ จะมีการฆ่าตัวตายอีก ดังนั้นต้องสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับการป้องกัน ไม่ใช่ควบคุม เพราะการควบคุมเอาไม่อยู่ เชื้อโรคไม่เชื่อง ต้องใช้กำลังคนเยอะ ใช้เศรษฐกิจที่ปิด ใช้เงินจำนวนมาก แต่ป้องกันใช้น้อยกว่าเยอะ.
... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/article/816665
ท่านทักษิณ
ประเทศนี้คนดีๆมีความสามารถอยู่ไม่ได้หรอก อยู่ได้แต่ต้องประจบสอพอเลียกระโปูยันเลียตูดนั้นเหละถึงจะอยู่ได้ คนเก่งคนดีจะลุกขึ้นมาช่วยบ้านเมืองหรอได้นะแต่มึงต้องมาเลียกูก่อนไม่งันกูใช้กฎหมาบาทาบี๋มึงนะนี้เหละคือประเทศนี้ นี้เหละคือยุคเหื้ย
การแสวงหานายกรัฐมนตรี เปรียบได้กับการหาสามีมาเป็นพ่อของลูก
ถ้าได้สามีที่ดี ชาวบ้านมักจะกล่าวว่า "คุณโชคดีแล้ว"
แต..ชาวบ้านไม่รู้หรอกว่าไอ้สามีที่ดีไม่ใช่แค่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้เท่านั้น แต่การหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวให้มั่นคงต่างหาก ที่มันสำคัญกว่าเยอะ
และมันจะยิ่งแย่เข้าไปอีก ถ้า..คนคนนั้นได้สามีที่ เลว ดีแต่โม้โอ้อวด ทำอะไรไม่เป็นเลย อ้างแต่ "ผมรักคุณ"
ดังนั้น..ถ้าเราอยากได้นายกที่ดีจริงๆ ไม่ใช่นายกที่ โง่ แล้วดีแต่พูด บทเรียนหลายบทสอนให้เรารู้แล้วว่า
นายกที่ดีควรเป็นแบบไหน
เหมือนสามีที่ขยันทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หรือดีแต่บอกว่า รัก อย่างเดียว
บางคนเอาแค่ "ความจงรักภักดีมาขาย" แต่ทำให้ประเทศบรรลัย ควรเลือกไหม คิดกันเอาเอง ครับ